วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Week 14: 15/02/2011

Web 2.0

web เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายทั่วโลก สำหรับ web2.0  เริ่มต้นในปี 2004 โดยเกิดมาจากผลงานวิชาการ อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงของ internet ว่าไม่ใช่แค่การอ่านข่าวหรือขายของอย่างเดียว แต่คนเข้าไปสร้างสื่อเอง เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่องค์กรใหญ่แต่เพียงอย่างเดียวแล้ว

Web 2.0 Vs Traditional Web
- มีการเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกและสามารถที่จะสร้างหรือปรับเปลี่ยน content เองได้ เช่น Wikipedia เป็นต้น ซึ่งทำให้ตลาด content มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
- สามารถนำมาใช้ในองค์รเพื่อพัฒนากระบวนการทำธุรกิจและการตลาด
- สามารถเชื่อมโยงผู้ใช้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เช่น customer, supplier และผู้ใช้ภายในองค์กร

Web 2.0 Key stats
- มีผู้เขียนบล็อกบนอินเตอร์เน็ตจำนวน 75 ล้านคน มีการสร้างบล็อกใหม่ๆขึ้นมาประมาณ 120,000 ในแต่ละวัน

ลักษณะของ Web 2.0
- สามารถนำข้อมูลที่มีอยู่ไปใช้ในรูปแบบใหม่ๆหรือนำเสนอสิ่งที่มีอยู่เดิมในแนวทางใหม่ๆ
- Interface ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้ได้อย่างง่ายดาย
- สามารถรวบรวมข้อมูลหรือสร้าง Model ขึ้นมาก่อนที่จะนำเสนอสินค้าออกสู่ตลาด
- ใช้ความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมน้อยลง

Element of Interaction in a Virtual Community
- Communication เช่น Chat rooms,E-maill, Blog, Web posting
- Information เช่น Search engines, Expert advice, Directories and yellow pages
- EC Element เช่น Advertisements, Autions of all type, Batering online

Types of Virtual Communities
- Transaction and other business: ซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน
- Purpose or interest: แลกเปลี่ยนความรู้หรือให้คำปรึกษาเฉพาะด้าน
- Relations or practies
- fantasy : สามารถที่จะปรับเปลี่ยนข้อมูลหรือรูปภาพให้เป็นไปตามที่ต้องการได้
- Social networks: พวกเกมส์ออนไลน์, facebook
- Virtual words

ประเด็นที่สำคัญของ Social network services
- ความเป็นส่วนตัวน้อยลง
- มีการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมหรือมีการสร้างคำใหม่ขึ้นมา
- มีการแข่งขันกันหรือทะเลาะกันระหว่างผู้ใช้
- มีการทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งที่ผิดกฎหมาย
- วัฒนธรรมต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีการกลั่นกรอง

ลักษณะของ Social network ในองค์กร
- ใช้ในการเเลกเปลี่ยนข้อมูลสื่อสารระหว่างกัน เพื่อวัตถุประสงค์ทางะรกิจ

Interface ของSocial network ในองค์กร
- ใช้ social network ที่มีอยู่เดิม
- สร้างบริการใหม่ๆขึ้นมา
- สร้าง social ขึ้นมาให้พนักงานนั้นได้มาแลกเปลี่ยนความรู้กัน

ประโยชน์ของการขายสินค้าบนอินเตอร์เน็ต
-ได้ feed back จากลูกค้ากลับมา ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่แท้จริงขององค์กร
- ใช้ Viral marketing
- เพิ่มช่องทางในการขายสินค้าผ่านเว็บไซด์
- เพิ่มยอดขายของบริษัท

Youtube
- เพิ่มศักยภาพในการโฆษณา อาจใช้ในการโปรโมตสินค้า เช่น ให้คนเข้ามารีวิว
- ใช้ในการสร้าง Brand
-  การบอกปากต่อปาก ทำให้สินค้าเป็นที่สนใจมากขึ้น
- ใช้ในการโฆษณาสินค้าใหม่ที่จะออกสู่ตลาด

Telemedicine & Telehealth
- ใช้ในการเพิ่มช่องทางในการช่วยเหลือผู้ป่วย
- ลดค่าใช้จ่าย
- ลดระยะเวลาในการเดินทางเพื่อการรักษา
- ให้ข้อมูลด้านการรักษาโรค รวมไปถึงการให้บริการผ่านเครือข่าย
- เก็บข้อมูลของผู้ป่วยแต่ละคน

การวางผังเมือง
- ต้องคำนึงถึงการวางสายเครือข่ายต่างๆที่นอกเหนือไปจากสายไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต
- มีการพัฒนาระบบเพื่อให้ไม่มีที่จอดรถที่ว่างเปล่า
- ทำให้สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

Offshore Outsourcing
- การพัฒนา sortware และการทำ call center นั้นนิยมจ้างบุคคลภายนอกทำมากขึ้น
- อาจมีการขโมยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า

Information Overload
- ข้อมูลมีจำนวนมาก และอาจไม่เป็นความจริง

Information Quality
- มีการจัดทำระบบองค์กร เพื่อให้มึความโปร่งใส ป้องกันการทุจริต

Spam
- พวกที่เป็น e-mail spam ทำให้เกิดความรำคาญก่อนที่จะเข้าถึงข้อมูล

Effect of IT
- ทำให้องค์กรเป็นแนวราบมากขึ้น ตอดต่อสื่อสารกันได้ดีมากขึ้น
- สามารถที่จะเพิ่ม business unit ใหม่ๆขึ้นมา
- พัฒนาทักษะของพนักงาน เป็นช่องทางให้พนักงานได้แสดงความสามารถ ทำให้มีการเปลี่ยนจาก blue collar เป็น white collar

Impact
- มีผลต่อความปลอดภัยและข้อมูลส่วนตัว
- การใช้งานอินเตอร์เน็ตมากๆอาจส่งผลต่อสุขภาพได้

Presentation
1.Behavoral Economics
- เป็นช่วงที่ IT เพิ่งเริ่มเข้ามาใหม่ๆ
- เป็นการศึกษาถึงพฤติกรรมการตัดสินใจของมนุษย์ เพื่อทำความเข้าใจถึงแรงจูงใจและความต้องการของลูกค้า
-แบ่งออกเป็น 3 มุมมอง
Novelty Preference
- ความต้องการที่จะใช้เวลาในการมองหาสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และความต้องการในการแบ่งปันสิ่งใหม่ๆให้กับผู้อื่น
- ต้องอาศัยการสื่อสารเข้ามามีส่วนช่วย
- ส่วนมากมันจะนำเสนอในสิ่งที่เกินความเป็นจริง ไม่สมดุล
Social Contagion
- พฤติกรรมของมนุษย์ที่มักทำตามบุคคลอื่นหรือทำตามคนส่วนใหญ่
- เห็นได้จากช่วง stock bubble
- การแพร่หลายของ Internet เป็นผลมาจากพฤติกรรมเช่นนี้ เนื่องจากมีการใช้งานตามๆกันมา
- การแข่งขันทางธุรกิจก็มักจะมีพฤติกรรมนี้ เพราะต้องพัฒนาตัวเองให้ทันตามคู่แข่ง
Decision Heuristics
- การเลือกตัดสินใจของมนุษย์มักจะอาศัยข้อมูลที่มีอยู่และอาสัยความพอใจเป็นหลัก ไม่ใช่พิจารณาถึงทางเลือกที่ดที่สุด

2.Corporate Blogging
- เป็น blog ที่องค์กรสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงคือย่างหนึ่ง
Internal blog
- เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนความรู้ สื่อสาร ติดตามงานภายในองค์กร
external blog
- เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการใหม่ๆ
- ให้บุคคลภายนอกเข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นได้
กลยุทธ์
- bulid thought leadership
- corporate culture
- connect with leader
- branding
ตัวชี้วัดการสื่อสารของ blog
- จำนวนสมาชิก
- จำนวนความคิดเห็น
- link ของ blog
- จำนวนครั้งในการกด share

3.Quantum Computer
- ใช้คุณสมบัติเชิงกลศาสตร์ โดยเอาคุณสมบัติของอิเล็กตรอนมาใช้แทนที่ระบบ bit
- Superposition ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถใช้งานในเรื่องของการประมวลผลได้เร็วขึ้น
ความแตกต่างกับคอมพิวเตอร์ธรรมดา
- การเปิดปิดใช้การหมุนของอิเล็กตรอน
- ใช้คิวบิค
- ทำงานได้ทุกคำสั่งภายในเวลาเดียว ทำให้ประมวลผลได้เร็ว
ประโยชน์
- ส่งข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น
- ตรวจจับบุคคลที่เข้ามาในระบบได้
- ค้นพบหนทางในการปกป้องระบบและเครือข่ายต่างๆ
- สามารถประมวลผลภาพได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที
- อาจพัฒนาต่อยอดไปในการพัฒนาการประมวลผลจากสมองได้
- เป็นต้นกำเนิดของเครื่องย้อนเวลา

4.Micro Blogging
-เป็นการส่งข้อความสื่อสารระหว่างกันในระบบ RSS feed
-จำกัดการส่งข้อความได้ไม่เกิน 140 ตัวอักษร
ตัวอย่าง Plurk, Yammer, Twitter
ประโยชน์
- ใช้ในการติดตามข่าวสาร
- Customer support
- Feed back
- สื่อสารในองค์กร
- ให้ความรู้
ข้อเสีย
- สร้างความรู้สึกรำคาญให้กับผู้รับ Tweets ที่ไม่ได้สนิทสนมด้วย

5.Text Mining
- การทำเหมืองข้อมูล โดยการสกัดข้อมูลออกมาจากข้อมูลที่มีอยู่แล้ว
- ข้อมูลที่สกัดออกมาได้จะเอามารวมกัน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และการคำนวณทางสถิติ
ความแตกต่างกับ Searching
- เป็นการค้นหาความรู้ที่ไม่เคยมีมาก่อน
- Searching เป็นการค้นหาข้อมูลที่มีอยู่เดิม
เทคนิค
- สกัดหรือสรุปใจความของข้อมูล
- ดังความเหมือนของข้อมูลออกมาจัดกลุ่ม
- จัดประเภทของข้อมูล
ความรู้ที่ได้
- สรุปใจความของข้อมูล เป็นการลดขนาดของข้อมูลลง
- แบ่งประเภทของข้อมูล แล้วทำ Model ขึ้นมาให้จำรูปแบบในการคัดแยกประเภทของข้อมูล เช่น e-mail spam filter
- เป็นการจัดข้อมูล โดยให้ระบบหาความเหมือนและความแตกต่างของข้อมูล เพื่อนำมาเเบ่งประเภทของข้อมูลที่ไม่เคยมีการแบ่งประเภทมาก่อน
- เก็บข้อมูลเป็นคลังข้อมูล เพื่อให้ดึงมาใช้ได้ง่ายขึ้น
- นำมาใช้ในเรื่องของ CRM, เครื่องจักรกล, การสร้างองค์ความรู้
ประโยชน์
- เพิ่มระดับความลึกในการวิเคราะห์
- คัดแยกและกลั่นกรอง e-mail
- clain ประกันและใช้ในการวินิฉัยโรคเพื่อรักษาผู้ป่วย
- เก็บและประมวลผลข้อมูลคู่แข่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น