ปกติข้อมูลในองค์กรมีอยู่มากมาย แต่ไม่ได้มีการนำมาจัดเป็นองค์ความรู้ (Knowledge) พร้อมสำหรับการนำออกมาใช้งาน Information system จึงเป็นระบบที่จะทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลและองค์ความรู้ โดยอาศัยกระบวนการต่างๆทั้งทางด้าน Software และ Hardware โดยสรุปเป็นแผนภาพได้ดังนี้
Raw data à information systemà information ----> knowledge
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีส่วนช่วยให้การทำงานในองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังก่อให้เกิดแนวคิดหรือกระบวนการในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆอีกด้วย ดังนั้นหลายหน่วยงานในองค์กรจึงมีการนำ IS มาปรับใช้ชนิดของระบบสารสนเทศ
-Personal and Productivity Systems เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับปัจเจกชน เช่น โทรศัพท์มือ
-Transaction Processing Systems เป็นระบบที่คอยดูแล transaction ทั้งหมดในองค์กร ทุกส่วนงาน แล้วนำไปประมวลผล
-Functional and Management Information Systems เป็นระบบที่คอยรองรับฝ่ายงานต่างๆในแนวดิ่งในองค์กร
-Enterprise Systems (Integrated) เป็นระบบที่เชื่อมโยงทุกหน่วยงาน และอาจเชื่อมโยงไปถึงลูกค้าหรือ supplier
-Interorganizational Systems เป็นระบบที่เชื่อมโยงระหว่างสาขาหรือระหว่างประเทศ โดยเป็นการเชื่อมโยงหลายๆหน่วยงานเข้าด้วยกัน
-Global Systems คล้ายๆกันกับ Interorganizational system แต่เป็นการเชื่อมโยงกันทั่วโลก
-Vary Large and Special Systems เป็นระบบที่องค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรม
ระบบสารสนเทศประเภทอื่นๆ
Decision Support System (DSS)
ช่วยในการตัดสินใจ โดยมีการเก็บข้อมูลจากภายในและภายนอก แล้วอาศัยสถิติเข้ามาช่วยในการประมวลผล สำหรับการตัดสินใจ
Group Decision Support System (GDSS)
เป็นระบบสารสนเทศเพื่อช่วยในการตัดสินใจของกลุ่มคน เช่น การประชุม ทำให้ความขัดแย้งและการเมืองภายในองค์กรลดลง รวมทั้งสามารถใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Executive Support System
เป็นระบบสำหรับผู้บริหารระดับสูง ซึ่งต่อยอดมาจากระบบ DSS
Supply chain management System
เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยในการจัดการข้อมูลทั้งกระบวนการ โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับ Supplier เพื่อ Share ข้อมูลเกี่ยวกับ Order, production, inventory level, delivery of production and service
Knowledge management system
เป็นระบบที่เก็บข้อมูลและองค์ความรู้ในองค์กร ทั้งจากตัวบุคคุลและระบบ เพื่อสร้าง Best Practice ให้แก่องค์กร
นอกเหนือจากระบบที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว อาจารย์ยังได้กล่าวถึง Customer relationship management system, Intranet, Extranet, Collaboration and communication system, E-business, E-government, web 2.0 และWeb 3.0
Emerging Computing Environment
- Web service
- Software at a service
- Utility computing
- Grid computing
- Secure, reliable and transacted web
ในช่วงท้ายคาบได้มีการ Present ในเรื่องของ E-paper, Tablet และ Green IT โดยสามารถสรุปลักษณะและประโยชน์ได้ดังนี้
1. E-paper : เป็นกระดาษอีเล็กทรอนิค ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่แสดงผลโดยเลียนแบบลักษณะการใช้หมึกบนกระดาษปกติ ซึ่งข้อดีของมันคือมีน้ำหนักเบา ทนทาน เปลี่ยนหน้าได้เหมือนกระดาษปกติ และไม่ต้องอาศัยไฟฟ้าในการบันทึกข้อความหรือภาพ
2.Tablet : เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาแตกต่างจาก Laptop หรือ PC ตั้งโต๊ะ การใช้งานก็สอดคล้องกับการทำงานนอกสถานที่ โดยมีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย หรือ Touch Screen เป็นลักษณะสำคัญ
3. Green IT : เป็นแนวคิดในการบริหาร จัดการและเลือกใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มประสิทะภาพในการจัดการการใช้พลังงาน เพื่อลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการสร้างขยะ รวมถึงการนำขยะอิเล็คทรอนิคส์มารีไซเคิลใหม่อีกด้วย หรืออาจกล่าวได้ว่า Green IT คือการใช้ IT ภายในองค์กร โดยใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันในหลายๆองค์กรก็ได้มีการนำแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น